ไข่มุก

อะโกย่า

ของขวัญล้ำค่าจากท้องทะเล
ความงดงามที่สรรค์สร้างจากทะเลญี่ปุ่น
ผสานนวัตกรรมเทคโนโลยีและจารีตแบบญี่ปุ่น
มาเป็นมุกอะโกย่าเม็ดวาวโดดเด่น ที่เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ

ความมุ่งมั่นต่อไข่มุก Akoya

ร้านของเราตั้งอยู่ในเมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ ที่มีการเพาะเลี้ยงไข่มุกอะโกย่าที่ขึ้นชื่อในเรื่องการผลิตไข่มุกคุณภาพสูง จากที่เราได้ร่วมงานโดยตรงกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงไข่มุกในเมืองอิเสะมาเป็นเวลายาวนาน เราจึงมั่นใจได้ถึงการรักษาระดับคุณภาพของไข่มุกที่คัดสรรให้อยู่ในมาตรฐานตามที่เรากำหนด นอกจากนี้เรายังรวบรวมและอัปเดตข้อมูลของไข่มุกจากต่างประเทศ เพื่อเลือกสรรและนำเข้าไข่มุกหายากใหม่ๆที่น่าสะสมด้วย

ไข่มุกอะโกย่า

จุดแรกเร่ิมของการเพาะเลี้ยงไข่มุก

โดยธรรมชาติแล้วกระบวนการเกิดไข่มุกนั้นเริ่มจากการที่มีสิ่งแปลกปลอม เช่นเม็ดทราย, กรวด ฯลฯ เข้าไปในตัวหอยมุกโดยบังเอิญ ทำให้กลไกการป้องกันตัวของหอยมุกทำงานโดยการปล่อยสารประกอบประเภทผลึกแคลเซียมคาร์บอเนตซึ่งเรียกว่า Nacre (เนเคอร์) ออกมาเพื่อเคลือบสิ่งแปลกปลอมนั้นอย่างต่อเนื่องหลายต่อหลายชั้นจนกลายมาเป็นเม็ดไข่มุก ซึ่งรูปทรงของไข่มุกจะขึ้นอยู่กับรูปร่างของสิ่งแปลกปลอมนั้นๆ ไข่มุกที่มีรูปร่างกลมและมีสมมาตรที่สมบูรณ์สวยงามนั้นถือเป็นเสมือนของขวัญอันน่าอัศจรรย์จากธรรมชาติ
ด้วยความที่ไข่มุกธรรมชาตินั้นหาได้ยากและความต้องการของไข่มุกได้เพิ่มสูงขึ้น เมื่อประมาณหนึ่งร้อยปีก่อน ที่เมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ เป็นที่แรกที่ประสบความสำเร็จในการคิดค้นเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงไข่มุกอะโกย่า ทำให้สามารถผลิตไข่มุกได้ในปริมาณมาก โดยญี่ปุ่นได้ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่ส่งออกไข่มุกชั้นนำของโลก และปัจจุบันเมืองอิเสะยังคงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะผู้ผลิตไข่มุกอะโกย่าที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น

ไข่มุกอะโกย่านั้นเป็นไข่มุกที่เพาะเลี้ยงในหอยพันธุ์ Pinctada Fucata Martensii หรือเรียกอีกชื่อว่า หอยอะโกย่า (Akoya pearl oyster) โดยทั่วไปจะมีขนาดเล็กกว่า 10 มิลลิเมตรลงมา ถือเป็นไข่มุกน้ำงาม ที่มีความกลมและเงางามมากที่สุดในบรรดาไข่มุกทุกสายพันธุ์ ไข่มุกอะโกย่าของ SAIHO เราคัดสรรพิเศษแบบเม็ดต่อเม็ดโดยผู้ชำนาญเฉพาะทางด้านไข่มุกมืออาชีพ เรามีไข่มุกอะโกย่าหลากหลายเกรด รวมถึงเกรดพิเศษที่ได้รับการรับรองจาก Pearl Science Laboratory (PSL) แห่งโตเกียว อย่างเกรด “Hanadama-ฮานาดามะ” (ฮานา=ดอกไม้ และ ดามะ=เม็ดมุก) ที่เรียกได้ว่าเป็น Best of Akoya Pearl ซึ่งถือเป็นเกรดที่ค่อนข้างหายาก มีลักษณะพิเศษคือมีความเงาวาวสูง (luster หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า teri-เทริ) มีเหลือบรุ้งเป็นประกาย รวมถึง "ไข่มุกฮานาดามะ 「Aurora Tenyo-ออโรร่า เท็นโย」” (เท็น=สรวงสวรรค์ และ โย = หญิงสาว ) ซึ่งเป็นชื่อเฉพาะที่ใช้เรียกไข่มุกที่มีความโดดเด่นของความแวววาวเปล่งประกายสะท้อนเป็นเหลือบรุ้งงดงามดุจเรือนกระจกที่ถือเป็นที่สุดของที่สุดในไข่มุกอะโกย่าเกรดฮานาดามะ

การผสมผสานระหว่าง
นวัตกรรมเทคโนโลยีญี่ปุ่นกับทะเลญี่ปุ่น

ด้วยเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงไข่มุกของญี่ปุ่น ไข่มุกได้กลายมาเป็นอัญมณีที่คุ้นเคยของชาวญี่ปุ่น รวมถึงนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงได้กลายเป็นจารีตวัฒนธรรมอันมีค่าและเป็นเทคนิคเฉพาะตามแบบฉบับของญี่ปุ่น นอกจากนี้ เนื่องด้วยทะเลญี่ปุ่นมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของไข่มุก ดังเช่น อุณหภูมิของน้ำที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลทั้งสี่ของญี่ปุ่น อีกทั้งใต้ท้องทะเลที่อุดมไปด้วยแพลงตอนและแร่ธรรมชาติอันสมบูรณ์ จึงเอื้ออำนวยต่อการเติบโตของหอยมุกได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบที่ดีที่สุดสำหรับการเพาะเลี้ยงไข่มุกคุณภาพสูง

การเพาะเลี้ยงไข่มุกอะโกย่า

กระบวนการเพาะเลี้ยงไข่มุกอะโกย่านั้น เร่ิมต้นด้วยการเลี้ยงลูกหอยมุกให้เติบโตจนกระทั่งมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะสร้างไข่มุกได้ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการฝังนิวเคลียสหรือแกนกลาง (เปลือกหอยน้ำจืดที่ถูกทำให้เป็นทรงกลม) พร้อมกับใส่เนื้อเยื่อชิ้นเล็กๆที่นำมาจากหอยมุกอีกตัว เข้าไปในผิวหนังส่วนที่ปกคลุมด้านในของหอยมุกเลี้ยง ซึ่งขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนที่ยากและละเอียดอ่อนที่ต้องอาศัยทักษะขั้นสูงของช่างเทคนิคผู้ชำนาญงานโดยใช้เครื่องมือพิเศษที่มีความแม่นยำระดับเดียวกับการผ่าตัด และเมื่อหอยมุกได้รับการกระตุ้นให้สร้างชั้นเนเคอร์ของเนื้อมุกล้อมรอบนิวเคลียสตามกระบวนการก่อตัวขึ้นของไข่มุกแล้ว ก็จะนำหอยมุกใส่ลงในถุงที่ถักจากเชือกและนำไปวางในแปลงหอยมุกในอ่าวที่มีน้ำนิ่งสงบเพื่อให้หอยมุกมีการฟื้นตัว ก่อนที่จะถูกย้ายไปเลี้ยงยังบริเวณที่ห่างออกไปจากชายฝั่งที่มีการไหลเวียนของกระแสน้ำและคลื่น โดยได้รับการเพาะเลี้ยงอย่างทุ่มเท และมีมาตรฐานการดูแลที่เหมาะสม รวมถึงมีการทำความสะอาดเปลือกหอยเป็นระยะๆ ด้วย หลังจากนั้นจะใช้เวลาเพาะเลี้ยงใต้ท้องทะเลเมืองอิเสะ ประมาณ 1 ถึง 2 ปีหรือมากกว่านั้น ซึ่งในระหว่างช่วงฤดูหนาว การเผาผลาญอาหารของหอยมุกจะช้าลงตามธรรมชาติ เป็นผลให้ชั้นเคลือบของไข่มุกที่ก่อตัวนั้นบางลง ยิ่งชั้นยิ่งบางและมีจำนวนชั้นมากขึ้น ความแวววาวของไข่มุกก็จะยิ่งเปล่งประกายสว่างและคมชัดมากตามไปด้วย สำหรับขั้นตอนการเก็บเกี่ยวจะมีการวัดอุณหภูมิของนำ้เพื่อเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะนำหอยมุกที่เลี้ยงไว้ขึ้นจากน้ำทะเล ผ่านสู่ขั้นตอนการเอาเม็ดไข่มุกออกจากตัวหอย แยกและคัดเกรดเพื่อผลิตเป็นเครื่องประดับต่อไป

คุณภาพของไข่มุกอะโกย่า

หลักเกณฑ์ในการประเมินและเลือกไข่มุกอะโกย่านั้น มีปัจจัยหลักที่สำคัญ 6 ประการ ซึ่งความสมดุลของแต่ละปัจจัยจะเป็นตัวกำหนดคุณภาพและมูลค่าของไข่มุก

หากท่านสนใจอยากทราบข้อมูล,รายละเอียดเพิ่มเติม ท่านสามารถติดต่อสอบถามเราได้

พร้อมกันนี้ ทางร้านของเรามีบริการใบรายงานการตรวจสอบและประเมินคุณภาพของไข่มุก CERTIFICATE OF PEARL IDENTIFICATION & GRADING จาก Pearl Science Laboratory - PSL แห่งโตเกียว ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่ประเมินคุณภาพไข่มุกที่น่าเชื่อถือและใหญ่ที่สุดของอุตสากรรมไข่มุกประเทศญี่ปุ่น โดยมีมาตรฐานที่เป็นสากลและระบบที่สมบูรณ์, เข้มงวดในการจำแนกไข่มุก รวมถึงมีการแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของไข่มุกอย่างละเอียดและเป็นกลาง

ความหนาของมุก
( Nacre Thickness )

ความหนาของมุกถือได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการประเมินคุณภาพของไข่มุกเลยก็ว่าได้ ความหนาของมุกและคุณภาพของชั้นเนเคอร์ (เนเคอร์ = สารแคลเซียมคาร์บอเนตที่หอยมุกปล่อยออกมาเพื่อเคลือบสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในตัวหอยมุก) จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาและสภาพแวดล้อมในการเพาะเลี้ยง โดยยิ่งปล่อยให้ไข่มุกมีระยะเวลาเติบโตนานเท่าไหร่ ความหนาของมุกก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นผลให้มีความเงาวาวมากตามไปด้วย นอกจากนี้ความหนาของมุกสามารถเป็นตัวชี้วัดความคงทนของไข่มุกได้ด้วย ไข่มุกอะโกย่าคุณภาพสูงส่วนใหญ่จะมีความหนาของมุกประมาณ 0.4 มิลลิเมตรขึ้นไป

ความวาวงาม
( Luster )

ไข่มุกอะโกย่าถือเป็นไข่มุกที่มีความวาวงามมากที่สุดในบรรดามุกทุกสายพันธุ์ เรียกได้ว่าเป็นความแวววาวที่งดงามราวเงาที่สะท้อนจากกระจก(mirror-like luster) ในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกทับศัพท์ความแวววาวเงางามนี้ว่า “Teri-เทริ ” โดยความวาวของไข่มุกนั้นมีความสัมพันธ์กับคุณภาพของผิวมุก ความหนา, ความเรียบสม่ำเสมอของชั้นเนเคอร์ ไข่มุกที่มีคุณภาพสูงนั้นมักจะมีความวาวใสเปล่งประกายจากเนื้อในเสมอกันทั่วทั้งเม็ด และมีความคมชัดของเงาสะท้อนที่ผิวมุกด้วย

ขนาด
( Size )

ไข่มุกอะโกย่ามีขนาดตั้งแต่ 2 ถึง 10 มิลลิเมตร ซึ่งส่วนใหญ่ที่นิยมนำมาใช้ทำเป็นเครื่องประดับสร้อยคอนั้นจะอยู่ที่ขนาดประมาณ 5 ถึง 8 มิลลิเมตร โดยทั่วไปแล้วไข่มุกที่มีเม็ดขนาดใหญ่มักมีมูลค่าสูง เนื่องด้วยเวลาที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงจะยาวนานกว่า รวมถึงไข่มุกขนาดใหญ่นั้นจะหาได้ยากกว่า แต่ถึงแม้ไข่มุกนั้นจะมีขนาดที่ใหญ่ หากมีคุณภาพพื้นผิว, ความหนาของมุกกับคุณภาพความแวววาวต่ำ ก็ไม่ถือว่าเป็นไข่มุกที่มีคุณภาพสูง

ลักษณะผิวมุก
( Surface )

คุณภาพของพื้นผิวไข่มุกสามารถวัดได้จากความเรียบเนียนละเอียด สะอาดใสและมีตำหนิน้อยที่สุด ซึ่งมีผลต่อความแวววาวและความทนทานของไข่มุก สภาพผิวของไข่มุกที่เป็นฝ้า หยาบ มีรอยถลอกขีดข่วน รอยคลื่น รอยบุ๋มหรือเป็นรูแอ่งนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติระหว่างการเพาะเลี้ยง ไข่มุกอะโกย่าที่มีคุณภาพสูงนั้นแทบจะไม่มีริ้วรอย,รอยคลื่นบนผิวไข่มุกเลยหรือมีตำหนิที่มองเห็นได้น้อยมาก

สี
( Color )

สีของไข่มุกโดยทั่วไปจะจำแนกเป็น 2 ประเภท คือ Body color ซึ่งเป็นสีของตัวไข่มุกที่เราเห็นกันด้วยตาโดยตรง เช่น สีขาว สีครีม และ Overtone สีเหลือบของไข่มุกที่เกิดจากแสงสะท้อนที่ซับซ้อนเนื่องจากโครงสร้างหลายชั้นของเม็ดมุก อาจสะท้อนเป็นเหลือบสีชมพู ฟ้า เขียว เงิน หรือสีขาวเหลือบสีรุ้งก็ได้ โดยปกติแล้ว สีของไข่มุกจะขึ้นอยู่กับชนิดของหอยมุกและสภาพแวดล้อมที่ทำให้ไข่มุกมีสีที่แตกต่างไปได้ สีหลักที่เป็นที่นิยมของไข่มุกอะโกย่าคือมี Body color สีขาว และ Overtone ออกสีชมพูกุหลาบ, สีเงิน และสีครีม นอกจากนี้ยังมีสีอื่นๆ ที่หลากหลาย อย่างเช่น สีชมพู สีชมพูกุหลาบ สีเงิน สีทอง สีเขียว และสีฟ้า อีกด้วย โดยคุณภาพของสีนั้นจะพิจารณาได้จากความสม่ำเสมอและความอิ่มของสี

รูปทรง
( Shape )

ในตลาดเครื่องประดับโลก ไข่มุกอะโกย่ามีชื่อเสียงในด้านรูปทรงที่ได้สมมาตร กลมมนสมบูรณ์ ซึ่งเป็นที่นิยมนำมาทำเครื่องประดับประเภทสร้อยคอ และมีมูลค่าสูงกว่ารูปทรงอื่นๆ นอกเหนือจากรูปทรงกลมแล้วยังมีรูปทรงอิสระตามธรรมชาติอย่างรูปทรงบาร็อค, รูปทรงกึ่งกลมกึ่งบาร็อค หรือรูปทรงหยดน้ำด้วย

NEWS

RESERVATION

SAIHO Co., Ltd

2-14-17 Kanayama,
Naka-Ward, Nagoya,
Aichi, 460-0022,
Japan